เคล็ดลับเลือกรถโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะกับโกดังของคุณ

ปัจจุบัน มนุษย์มีเครื่องทุ่นแรงมากมายเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน ทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือโฟล์คลิฟท์ ก่อนที่จะเลือกซื้อรถไปใช้ในโกดังของคุณ มาทำความรู้จักว่ารถโฟล์คลิฟท์คืออะไร เหมาะกับการใช้งานในธุรกิจแบบไหน มีอะไรบ้างที่ควรพิจารณา และประเภทของรถที่เหมาะกับการใช้งานในคลังสินค้ามีอะไรบ้าง เพื่อให้การลงทุนครั้งใหญ่นี้คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานของธุรกิจมากที่สุด 

รถโฟล์คลิฟท์คืออะไร

Forklift คือ เครื่องจักรอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลายๆ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า อาทิ คลังเก็บสินค้า ธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจรับฝากของ หลายๆ คนอาจเรียกรถโฟล์คลิฟท์ว่ารถยกของหรือรถยกสินค้า โดยลักษณะของรถโฟล์คลิฟท์นั้นจะมีอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายส้อมติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวรถ ทำหน้าที่ยกสินค้าขึ้น-ลงหรือเคลื่อนย้ายสินค้าไปในระยะทางใกล้ๆ ทำงานโดยใช้แบตเตอรี่หรือเครื่องยนต์สันดาป รถโฟล์คิฟท์บางประเภทมีข้อดีตรงที่มีที่นั่งสำหรับคนขับ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงาน นอกจากนั้น รถโฟล์คิฟท์ยังมีสเปคที่หลากหลาย เพื่อรองรับการใช้งานที่ต่างกัน

รถโฟล์คลิฟท์เหมาะกับธุรกิจประเภทไหน

  1. คลังเก็บสินค้า
    โฟล์คลิฟท์ได้รับความนิยมในคลังสินค้ามากที่สุด โดยมีหน้าที่หลักๆ คือใช้ขนถ่ายสินค้าต่างๆ ภายในโกดัง โดยมีขนาดและความสามารถในการรับน้ำหนักที่หลากหลายตามการใช้งานตั้งแต่ 1 ตันสำหรับงานขนย้ายในโกดังทั่วไป ไปจนถึง 50 ตันสำหรับงานขนย้ายคอนเทนเนอร์
  2. อุตสาหกรรมก่อสร้าง
    โฟล์คลิฟท์ที่ใช้งานในภาคอุตสาหกรรมนับว่าเป็นเครื่องทุ่นแรงที่มีประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในไซต์ก่อสร้างเป็นอย่างมาก เพราะเป็นได้ทั้งยานพาหนะและอุปกรรณ์ยกของในตัว สามารถใช้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ก่อสร้างที่มีน้ำหนักมากจากรถบรรทุก อาทิ อิฐ เหล็ก ไปยังพื้นที่ปฏิบัติงานที่มีจากระยะทางไกลและสภาพพื้นดินที่ขรุขระได้
  3. อุตสาหกรรมรีไซเคิล
    นอกจากคลังเก็บสินค้าและไซต์ก่อสร้าง ยังถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมรีไซเคิลขยะ โดยจะทำหน้าที่ขนย้ายขยะจากรถบรรทุกไปยังลานแยกขยะ

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อซื้อรถโฟล์คลิฟท์

  1. พื้นที่ปฏิบัติงาน
    พื้นที่ปฏิบัติงานเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ ในการเลือกซื้อรถยกสินค้า เพราะต้องคำนึงในเรื่องของแหล่งพลังงานที่ใช้ในการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งโดยปกติแล้ว หากเป็นการใช้งานภายในอาคาร ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจะเหมาะกว่า เพราะเครื่องยนต์จะทำงานโดยไม่มีเสียงรบกวนและไม่ปล่อยควันซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากแหล่งพลังงานแล้ว พื้นที่ปฏิบัติงานยังส่งผลต่อเรื่องของประเภทและขนาดของยางรถด้วย โดยการใช้งานในอาคารอาจต้องการยางเส้นเล็ก ขณะที่การใช้งานนอกอาคารจะใช้ยางเส้นใหญ่และมีความแข็งแรง ทนทานกว่า
  2. สภาพพื้นผิวของพื้นที่ปฏิบัติงาน
    นอกจากต้องพิจารณาว่าพื้นที่ปฏิบัติงานนั้นอยู่นอกหรือในอาคารแล้ว สภาพพื้นผิวของพื้นที่ปฏิบัติงานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อก็สำคัญมากพอๆ กัน เพราะสภาพพื้นผิวแต่ละแบบนั้นต้องการล้อและยางที่ต่างกัน โดยสภาพพื้นผิวของพื้นที่ปฏิบัติงานที่อยู่ภายในอาคารอย่างคลังเก็บสินค้าโดยส่วนมากจะเป็นพื้นซีเมนท์เรียบๆ จะเหมาะกับนรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าที่มีล้อขนาดเล็ก ขณะที่สภาพพื้นผิวของพื้นที่ปฏิบัติงานที่อยู่ภายนอกอาคารส่วนมากจะเป็นดิน ลูกรัง หรือยางมะตอย ซึ่งไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอเหมือนพื้นซีเมนต์ จึงต้องการล้อที่มีความแข็งแรงทนทาน
  3. ลักษณะการใช้งาน
    ลักษณะการใช้งานและสถานที่ปฏิบัติงาน อาทิ อุณภูมิในพื้นที่ปฏิบัติงาน ความสูง น้ำหนักของสิ่งของที่ต้องการยก ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์เช่นเดียวกัน โดยในปัจจุบัน รถโฟล์คลิฟท์ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย หากงานที่ทำส่วนมากค่อนข้างเฉพาะทาง ก็ควรซื้อรถที่มีความเฉพาะทางในงานนั้นๆ ไปเลย แต่หากตรงกันข้าม ก็สามารถซื้อรถแบบทั่วไป แล้วซื้ออุปกรณ์เสริมเพื่อติดตั้งเพิ่มเติม หากมีคำจำเป็นต้องใช้งานแบบเฉพาะทางได้
  4. ประเภทของสินค้า
    ประเภทของสิ่งของที่ต้องการยกหรือเคลื่อนย้าย อาทิ แท่นวางสินค้า ท่อนไม้ เหล็ก หรือเครื่องจักรหนัก ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาก่อนซื้อโฟล์คลิฟท์เช่นเดียวกัน เพราะสิ่งของบางประเภทอย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปนั้น อาจไม่ได้มีขนาดและน้ำหนักที่แน่นอน จึงอาจต้องใช้รถโฟล์คลิฟท์ที่มีความเฉพาะทางหรือมีอุปกรณ์เสริมเพื่อให้ยกสินค้าได้อย่างปลอดภัย
  5. ความสามารถในการรับน้ำหนัก
    ความสามารถในการรับน้ำหนักของรถเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรละเลยโดยเด็ดขาด โดยความสามารถในการรับน้ำหนักนี้หมายถึงน้ำหนักของสิ่งของที่รถโฟล์คลิฟท์สามารถยกหรือเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย โดยเริ่มตั้งแต่ 1.5-10 ตันขึ้นไป ซึ่งน้ำหนักนั้นยังส่งผลกับกำลังของเครื่องยนต์ที่ใช้ในการยกหรือเคลื่อนย้ายของด้วยเช่นกัน หากของมีน้ำหนักมาก ก็ย่อมต้องการเครื่องยนต์ที่มีกำลังมากพอที่จะเคลื่อนย้ายสิ่งของจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างราบรื่น

ประเภทของรถโฟล์คลิฟท์ที่เหมาะกับการใช้งานในคลังสินค้า

คลังสินค้าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ใช้รถโฟล์คลิฟท์อย่างกว้างขวาง มาดูกันว่ารถยกของประเภทไหนเหมาะกับการใช้งานในโกดังบ้าง

  1. รถโฟล์คลิฟท์ประเภท Hand Pallet Jack
    รถยกสินค้าแบบ Hand Pallet Jack ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสินค้า เพราะสามารถยกและเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักสูงถึง 2,500 กก. หรือ 2.5 ตัน ได้อย่างปลอดภัย นอกจากนั้น ยังมีขนาดไม่ใหญ่มาก จึงสามารถยกสินค้าในพื้นที่แคบๆ ได้ และเนื่องจากใช้ระบบสั่งการแบบแมนนวล จึงไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตพิเศษ ไม่ว่าใครก็สามารถใช้งานได้ ที่สำคัญคือมีราคาถูกกว่า Pallet Jack แบบไฟฟ้ามาก
  2. รถโฟล์คลิฟท์ประเภท Battery Electric Pallet Jack
    รถยกของแบบ Battery Electric Pallet Jack ซึ่งทำงานโดยใช้ไฟฟ้านั้นช่วยให้การยกหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น เพราะมีระบบยกและวางสิ่งของแบบไฮดรอลิกที่ช่วยให้การขนย้ายทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กดปุ่ม ทำให้ผู้บังคับรถไม่ต้องออกแรงยกสิ่งของมาก จึงลดโอกาสการเกิดการบาดเจ็บของร่างกายและความเสียหายของสินค้าได้
  3. รถโฟล์คลิฟท์ประเภท Reach Truck
    รถยกของแบบ Reach Truck นิยมใช้ภายในอาคารเท่านั้น ฟีเจอร์เด่นๆ ของรถประเภทนี้คือส้อมที่สามารถยืดออกไปด้านหน้าและสอดแทรกเข้าไปในชั้นวางของในโกดังได้ เพราะถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนแหนบรับไฟหรือสาลี่ (Pantograph) นอกจากนั้นยังมีดีไซน์แบบเปิด ช่วยให้คนบังคับมีทัศนวิสัยที่ดีขณะปฏิบัติงาน สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของระหว่างชั้นต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
  4. รถโฟล์คลิฟท์ประเภท Very Narrow Aisle (VNA)
    รถยกสินค้าแบบ Very Narrow Aisle นั้น ถูกออกแบบมาสำหรับการเคลื่อนย้ายสิ่งของในพื้นที่ที่แคบมากๆ ตั้งแต่พื้นที่ที่มีความกว้าง 4.2-4.8 เมตร โดยที่ค้ำและส้อมจะถูกออกแบบให้สามารถหมุนได้ 180 องศา เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่เก็บของแนวตั้ง
  5. รถโฟล์คลิฟท์ประเภท Medium-High Level Order/Stock Picker
    รถยกของประเภทนี้ ช่วยให้ผู้บังคับสามารถหยิบสินค้าบนชั้นวางในโกดังได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยตัวรถถูกออกแบบมาให้สามารถยกผู้บังคับไปยังระดับความสูงที่ต้องการเพื่อหยิบสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย ช่วยให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่เก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
หากคุณสนใจซื้อหรือเช่ารถโฟล์คลิฟท์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและโอกาสในการเติบโตของธุรกิจคลังสินค้าของคุณ สามารถเข้ามาขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ศูนย์บริการ Maxcrane Machinery ผู้นำเข้าเครื่องจักรชั้นนำระดับโลกทุกสาขา ตั้งแต่วันจันทร์ -เสาร์ ภายในเวลาทำการตั้งแต่ 08 : 00 – 17 : 30 น. หรือโทร 02-740-5888

Social Media

Categories