คุณรู้หรือไม่ รถเครน STC160C และ STC300TH ใส่ของเพิ่มก็วิ่งได้

          วันนี้เรามาว่าด้วยเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ ไม่ได้ควบคุมเฉพาะรถยนต์ รถขนส่งสินค้าหรือรถบรรทุกต่าง ๆเท่านั้น แต่ยังรวมถึงTruck Loader Crane รถเครน ที่หากมีน้ำหนักเกินตามที่กฎหมายกำหนด ก็ไม่สามารถออกมาวิ่งอยู่บนท้องถนนได้ กฎหมายเกี่ยวกับรถเครนและการควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ จึงเป็นเรื่องน่ารู้สำหรับผู้ใช้รถเครน เพื่อเป็นความรู้ไว้ถือปฎิบัติ

STC160C และ STC300TH ใส่ของเพิ่มก็วิ่งได้

        กฎหมายควบคุมน้ำหนักบรรทุก ของรถขนาดใหญ่ โดยทั่วไปรถยนต์ทุกประเภททิ่วิ่งอยู่ตามท้องถนน เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถหกล้อ รถสิบล้อ รถพ่วง รถเทรลเลอร์ รถบรรทุก รถเฮี๊ยบ หรือเครนติดบรรทุก และอื่น ๆ จะมีกฎหมายควบคุมและให้ผู้ที่ใช้รถถือปฎิบัติ แต่เนื่องจากขนาดและลักษณะของรถยนต์แต่ละประเภท รวมถึงสภาพการใช้งานมีความแตกต่างกัน จึงทำให้ต้องมีกฎหมายควบคุมน้ำหนักออกมาบังคับใช้ รถเครน และเครนติดบรรทุก ถือเป็นรถขนาดใหญ่ ที่มีกฎหมายน่ารู้เกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนัก ดังนี้
พ.ร.บ.จราจรทางบก 2522
กฎหมายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับ กฎกระทรวง ประกาศของกรมที่เกี่ยวกับการจัดระเบียบการจราจรทาง
ถนน เป็นกฎหมายแม่ที่มีการระบุเรื่องสำคัญที่เป็นเรื่องหลักของรถขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงเครนติดบรรทุก
– กฎกระทรวง ว่าด้วยความเร็วของรถได้กำหนดความเร็วของรถที่มีน้ำหนักรถรวมทั้งน้ำหนัก
บรรทุกเกิน 1,200 กก. ให้สามารถใช้ความเร็วขณะขับในเขตกรุงเทพฯ เมืองพัทยา หรือ เขตเทศบาลได้ไม่เกิน 60 ก.ม.ต่อ ชม. หรือนอกเขตให้ได้ไม่เกิน 80 ก.ม.ต่อ ชม.
– กฎกระทรวง ว่าด้วยความสูงของการบรรทุก ที่กำหนดความสูงของรถบรรทุกซึ่งบรรทุกตู้
สำหรับบรรจุสิ่งของ ให้บรรทุกสูงได้ไม่เกิน 4.20 เมตร
– กฎกระทรวง ว่าด้วยความสูงของการบรรทุก ที่กำหนดความสูงของรถบรรทุก ให้บรรทุกสูงไม่
เกิน 3.00 เมตรจากพื้นทาง เว้นแต่รถบรรทุกที่มีความกว้างของรถ เกิน 2.30 เมตร ให้บรรทุกสูงไม่เกิน 4.00 เมตร จากพื้นทาง
• ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร
ข้อบังคับถือเป็นกฎหมาย ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้โดยตรง ซึ่งข้อบังคับนี้ สามารถออกบังคับ
ใช้ได้ทั่วประเทศ หรือใช้เฉพาะท้องถิ่นก็ได้ เช่น
– ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร ว่าด้วยการห้ามเดินรถและการห้ามจอด
รถบรรทุก ตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปและรถพ่วง(รวมทั้งเครนติดบรรทุก หรือเฮี๊ยบ)ในเขตกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2546 ห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อ รถที่มีเพลาตั้งแต่ 3 เพลาขึ้นไป และรถพ่วง วิ่งรถในเขตพื้นที่ภายในของถนนวงรอบ พื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ 113 ตาราง กิโลเมตร อาทิ ถนนวงศ์สว่าง ถนนรัชดาฯ ถนนอโศก ถนนพระราม3 ถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยอนุญาตให้วิ่งได้ระหว่างเวลา 10.00 – 15.00 น. ทุกวัน
– ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักรว่าด้วยการห้ามเดินรถ และ การห้ามจอด
รถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป และรถพ่วง(รวมทั้งเครนติดบรรทุก หรือเฮี๊ยบ) ในเขตกรุงเทพฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2549 ที่กำหนดการการห้ามวิ่ง และ ห้ามจอดในถนนฉลองกรุง ตั้งแต่ทางแยกถนนฉลองกรุงตัดกับถนนสุวินทวงศ์ ถึงทางแยกถนนฉลองกรุง ตัดกับมอเตอร์เวย์ เป็นต้น
• พ.ร.บ ทางหลวง พ.ศ 2535 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ทางหลวง (ฉบับ 2) พ.ศ. 2549
พ.ร.บ. ทางหลวง ที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับนี้ ถือเป็นกฎหมายแม่ของการเดินรถบนทางหลวง
ต่าง ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะการกำหนดประเภทยานพาหนะและน้ำหนักบรรทุกที่อนุญาตให้วิ่งได้ ซึ่งประกาศฉบับล่าสุดคือประกาศผู้อำนวยการทางหลวง ฉบับที่ 8 ว่าด้วยการกำหนดน้ำหนักบรรทุกมีรายละเอียด ดังนี้
– รถบรรทุกขนาด 10 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 25 ตัน หรือ 25,000 กิโลกรัม
– รถบรรทุกขนาด 4 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกินกว่า 9.5 ตัน หรือ 9,500 กิโลกรัม
– รถบรรทุก 6 ล้อ ต้องไม่ให้เกินกว่า 15 ตัน
โดยกฎหมายรถบรรทุกยังครอบคลุมไปถึงเครนติดบรรทุก หรือเฮี๊ยบ รถบรรทุกพ่วง หรือที่เรียกว่า
รถพ่วงด้วย โดยแยกตามจำนวนล้อและเพลา เช่น
– รถพ่วงที่มี 6 เพลา ที่มี 22 ล้อ ต้องบรรทุกหนักไม่เกินกว่า 50.5 ตัน หรือ 50,500 กิโลกรัม
• โทษของการฝ่าฝืนกฎหมายรถบรรทุก
– สำหรับโทษของการฝ่าฝืนกฎหมายรถบรรทุกข้อนั้น จะเริ่มต้นการปรับที่ 1 หมื่นบาท จากนั้น
ก็จะทบเพิ่มเป็น 3 หมื่น และกำหนดโทษขั้นสูงสุด ที่ 1 แสนบาท
– ผู้ฝ่าฝืนแอบลักลอบขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ โดยจะเรียกปรับที่บริษัทที่รับผิดชอบการขนส่งและผู้ที่เป็นลูกค้าองค์บริษัทขนส่ง หรือ ผู้ใช้บริการขนส่งรถบรรทุกเหล่านั้น รวมถึงบริษัทที่เป็นปลายทางผู้รับที่รถบรรทุกเหล่านั้นจะไปส่งสินค้าให้ด้วย
กฎหมายน่ารู้ เกี่ยวกับรถเครนและการควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ จะเห็นว่ามีความสำคัญต่อผู้ใช้ถนน โดยเฉพาะผู้ขับรถเครน ผู้ประกอบการรถเครนให้เช่า รวมไปถึงผู้ใช้บริการรถเครนด้วย เนื่องจากกฎหมายรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งรวบถึง เครนติดบรรทุก หรือเฮี๊ยบ มีการควบคุมด้วยโทษปรับอย่างครบวงจร ตั้งแต่จุดเริ่มต้นคือ ผู้จ้าง ผู้บริการขนส่งรถบรรทุก และผู้รับปลายทาง