รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) หรือรถยกของ เป็นเครื่องมือทางอุตสาหกรรมที่ต้องแบกรับน้ำหนักจำนวนมาก ดังนั้นจำเป็นต้องได้รับการเช็คสภาพรถก่อนการใช้งาน และได้รับการบำรุงรักษาหลังการใช้งานอยู่เสมอ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นขณะใช้งาน และช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งของขณะยก รวมถึงสิ่งของที่อยู่โดยรอบ ซึ่งการบํารุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด เพียงแค่ทำตามคำแนะนำที่เรานำมาฝากกัน
การบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ ทำอย่างไรบ้าง
ก่อนใช้งานรถโฟล์คลิฟท์
- ตรวจเช็คสภาพล้อหน้า ล้อหลัง ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ตรวจวัดลมยาง ยางห้ามแบน หรือมีรอยรั่วเด็ดขาด
- ตรวจเช็คสภาพโซ่โฟล์คลิฟท์ ว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่ ห้ามโซ่หย่อนเกิน 2% โดยสังเกตได้จากป้ายที่ติดบริเวณเสายก
- ตรวจเช็คงายก เสายก ที่พิงสินค้าขณะโหลด ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ติดกับตัวเครื่องแน่นหนา
- ตรวจเช็คงายกของรถว่ามีความโค้งงอหรือไม่ เพราะงายกห้ามงอเด็ดขาด เพื่อป้องกันสินค้าหล่นขณะยกขึ้น – ลง
- ตรวจดูความสะอาดของรถ ห้ามมีวัตถุแปลกปลอมใดๆ ติดค้างอยู่ที่ชิ้นส่วนประกอบของเครื่องก่อนการสตาร์ทรถ
- หากใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ให้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ต้องเต็ม ห้ามมีความร้อนทั้งที่ยังไม่ได้สตาร์ทรถ
- หากใช้รถโฟล์คลิฟท์น้ำมันหรือแก๊ส ให้ตรวจระดับน้ำมันหรือแก๊สว่าเต็มถัง หรือเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่
- ตรวจระดับน้ำมันต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์
- ตรวจระดับน้ำในหม้อน้ำ หม้อพักน้ำ น้ำกลั่นแบตเตอรี่
- ตรวจพวงมาลัย สัญญาณแตร
- ตรวจสัญญาณไฟ ทั้งไฟเลี้ยว ไฟถอยหลัง ไฟส่องสว่าง ก่อนการใช้งาน
- ตรวจเบรค ทั้งเบรคมือและเบรคขา เมื่อดึงเบรคมือ รถควรหยุดที่ทางลาด 20% ได้
ขณะใช้งานรถโฟล์คลิฟท์
ขณะใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ จำเป็นต้องหมั่นสังเกตส่วนต่างๆ ของรถโฟล์คลิฟท์เช่นกัน ว่ามีความผิดปกติขณะใช้งานหรือไม่ ดังนี้
- สังเกตเครื่องยนต์ เช่น เครื่องอืด สะดุดบ่อย มีเสียงดังผิดปกติ
- สังเกตเบรค เช่น เบรคไม่อยู่ เบรคแล้วมีเสียงดัง เกียร์ค้าง
- สังเกตคันบังคับว่าสามารถบังคับได้ตรงทิศทางอย่างแม่นยำหรือไม่
- สังเกตระบบไฮดรอลิค เช่น สามารถควบคุมเสายก งายก ได้ตรงตามองศาที่ต้องการเหมือนก่อนหรือไม่ สะดุดหรือไม่
- สังเกตโซ่โฟล์คลิฟท์ เช่น โซ่หย่อน โซ่หลุดออกจากตำแหน่งเดิม ขณะใช้งานหรือไม่
- สังเกตระยะฟรีของพวงมาลัย การเลี้ยวว่าผิดปกติหรือไม่
- หากหม้อน้ำเดือด หรือน้ำหล่อเย็นมีอุณหภูมิสูงขณะใช้งาน ห้ามเปิดฝาดูทันที เพื่อป้องกันการโดนความร้อนลวกมือ และอันตรายที่อาจเกิดขึ้น แนะนำให้ขับรถด้วยความเร็วปานกลางเพื่อคลายความร้อน จอดรถ เมื่อแน่ใจแล้วค่อยหมุนฝาช้าๆ ทิ้งไว้สักพัก แล้วค่อยเปิดฝาดูความผิดปกติ
หลังใช้งานรถโฟล์คลิฟท์
- จอดรถในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น
- ก่อนจอดรถควรปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบาๆ อย่างน้อย 2 – 3 นาที แล้วค่อยดับเครื่อง
- เมื่อจอดรถแล้ว ควรลดงารถโฟล์คลิฟท์ ให้อยู่ในแนวราบกับพื้น ป้องกันการเกิดอันตรายกรณีที่มีผู้เดินผ่าน
- ปลดเกียร์ว่างและล็อคเบรคมือหลังจอดรถให้เรียบร้อย
- เก็บกุญแจไว้ในที่ประจำ
- เตินน้ำมันให้เต็มถัง หรือชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม เพื่อให้พร้อมสำหรับการใช้งานครั้งต่อไป
- ใช้น้ำมันหล่อลื่นตามจุดต่างๆ ที่ต้องทำการหล่อลื่น เช่น โซ่โฟล์คลิฟท์
- ตรวจดูการรั่วซึมของน้ำมัน หรือของเหลวภายในรถ เช่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ
- ล้างหม้อน้ำตามรอบบำรุงการรักษา
- ตรวจเช็คสภาพรถกับศูนย์เมื่อครบกำหนด
ข้อแนะนำอื่นๆ เพื่อการบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน
รถโฟล์คลิฟท์เป็นรถที่มีราคาสูง ดังนั้นนอกจากการบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ด้วยตัวเองแล้ว การได้รับการตรวจเช็คสภาพรถจากศูนย์ผู้เชี่ยวชาญก็สำคัญเช่นกัน โดยเราแนะนำให้เช่าหรือซื้อรถโฟล์คลิฟท์กับศูนย์ที่มีบริการงานซ่อมบำรุง และงานตรวจเช็คสภาพรถ มีบริการทีมช่างพร้อมให้บริการตลอดทุกวัน เพื่อความมั่นใจในการใช้งานและความคุ้มค่าในระยะยาว
นอกจากนี้พนักงานที่ต้องใช้รถ จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุขณะใช้งาน อีกทั้งเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถ ช่วยประหยัดเงินให้กับเจ้าของธุรกิจ ลดโอกาสในการเสียค่าซ่อมรถได้ด้วย
หากคุณสนใจซื้อหรือเช่าโฟล์คลิฟท์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและโอกาสในการเติบโตของธุรกิจของคุณ สามารถเข้ามาขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ศูนย์บริการ Maxcrane Machinery ผู้นำเข้าเครื่องจักรชั้นนำระดับโลกทุกสาขา เรามีบริการฝึกอบรมผู้ใช้งานรถ โดยวิศวกรที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเครื่องจักรกล มีใบรับรองสำเร็จการทดสอบการฝึกอบรม บริการงานซ่อมบำรุงและงานตรวจเช็คสภาพรถ ฯลฯ สามารถติดต่อเราได้ในวันจันทร์ – เสาร์ ภายในเวลาทำการตั้งแต่ 08:00-17:30 น. หรือโทร 02-740-5888